เทรนด์การทำงานแบบ Work From Home หรือ Work From Everywhere กลายมาเป็นการทำงานหลักขององค์กรหลายแห่งทั่วโลกในปัจจุบัน เนื่องมาจากการปรับรูปแบบการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนมองว่าการเดินทางเพื่อเข้ามานั่งที่ออฟฟิศทุกวันอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้ว่าพนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่โดยที่ประสิทธิภาพการทำงานยังดีเหมือนเดิม หลายองค์กรทั่วโลกจึงได้ปรับรูปแบบการทำงานให้เป็นแบบ Hybrid Working พนักงานไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันแต่สามารถสลับการทำงานจากที่บ้านและการเข้าออฟฟิศได้ตามนโยบายของแต่ละบริษัท
เทรนด์ Hybrid Working 2024
เทรนด์ Hybrid Working เป็นที่นิยมในช่วงสองปีมานี้และมีแนวโน้มสูงต่อเนื่องในปี 2024 เพราะเป็นรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พนักงานสามารถบริหารเวลาการทำงานที่เหมาะสมได้ สำหรับออฟฟิศนั้นก็เป็นการช่วยลดพื้นที่และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่า/ซื้อพื้นที่การทำงาน โดยสามารถเปลี่ยนเป็น Hot Desk สำหรับใช้หมุนเวียนการนั่งทำงานในออฟฟิศแทนได้
ในรูปแบบการทำงานแบบเดิมพนักงานจะมีสิทธิเข้าถึงระบบหรือสามารถใช้ Resource ต่าง ๆ ขององค์กรได้จะต้องเข้ามานั่งทำงานที่ออฟฟิศเท่านั้น เหตุผลก็เพื่อความปลอดภัยจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ แต่เมื่อมีการปรับรูปแบบการทำงานเป็น Hybrid Working สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานแบบ Hybrid Working ได้ผลมากที่สุดสำหรับการดำเนินธุรกิจ คือการเตรียมเทคโนโลยีและบริการสำหรับการทำงานให้พร้อมใช้ เพื่อให้พนักงานหรือบุคลากรทุกคนสามารถทำงานร่วมกันและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน คือการใช้เทคโนโลยี Zero Trust กลยุทธ์ที่ช่วยทำให้เครือข่ายมีความปลอดภัยและแข็งแกร่งขึ้น โดยใช้แนวคิดที่ว่า “ทุกอย่างไม่ปลอดภัย ความไว้วางใจเป็นศูนย์” ให้การเข้าถึงอุปกรณ์น้อยที่สุด ให้สิทธิการเข้าถึงเครือข่ายที่เพียงพอเพื่อดำเนินการตามบทบาทเท่านั้น เพราะในขณะที่พนักงานทำการเชื่อมต่อระบบขององค์กรจากภายนอกอยู่ เหล่าอาชญากรไซเบอร์ก็พยายามหาช่องโหว่เพื่อเข้าโจมตีด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อมี User หรือ Device ใด ๆ ขอเข้าถึงระบบหรือเข้าใช้ Resource ต่าง ๆ ภายในองค์กร จะต้องได้รับการตรวจสอบก่อนที่จะได้รับสิทธิการเข้าถึง โดยในการตรวจสอบสิทธิสามารถตรวจสอบได้หลายบริบท อาทิเช่น
- ข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ เช่น สิทธิที่ได้รับมอบหมาย
- ข้อมูลของอุปกรณ์ เช่น ประเภทของอุปกรณ์ Windows, Android หรือ IOS และเป็นทรัพย์สินส่วนตัวหรือขององค์กร
- สถานะด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ เช่น การติดตั้งแพตช์ล่าสุดหรือไม่
- เวลาและวันที่ในการเข้าถึง
- สถานที่ที่มีการเข้าใช้งาน
Zero Trust Solution ถูกนำมาต่อยอดจนกลายเป็น Zero-Trust Network Access (ZTNA) Solution เพื่อควบคุมการเข้าถึงแอปพลิเคชันได้ปลอดภัย ไม่ว่าพนักงานจะทำงานอยู่ในออฟฟิศ ที่บ้าน หรือที่ใด ๆ และไม่ว่า ระบบหรือ Application จะอยู่ที่ออฟฟิศหรือบนคลาวด์ ZTNA Solution จะช่วยกำจัดช่องโหว่และความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจถูกโจมตีจากเหล่าอาชญากรไซเบอร์เหล่านั้นได้
บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จํากัด (UIH) ผู้ให้บริการ UIH SD-WAN พร้อมให้บริการ ZTNA ต่อยอดความปลอดภัยให้กับลูกค้า SD-WAN ที่มีการใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน รวมไปถึงลูกค้า SD-WAN รายใหม่ในอนาคตที่ต้องการจัดการ Traffic ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเสริมความปลอดภัยในการเข้าถึงระบบหรือเข้าใช้ Resource ต่าง ๆ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากเหล่าอาชญากรไซเบอร์ ก่อนที่จะสายเกินไป
สนใจบริการ UIH SD-WAN ติดต่อ UIH ได้ที่นี่