Privacy Policy

Last update on Dec 15, 2023


               บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักและให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง จึงได้จัดให้มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประเภทของข้อมูล และวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก สิทธิของท่าน การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และวิธีการที่ท่านสามารถติดต่อบริษัท

โดยนโยบายฉบับนี้ ใช้สำหรับบุคคลดังต่อไปนี้

  1. ลูกค้า หรือผู้ใช้บริการของบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
  2. ผู้ประกอบการ ร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ คู่สัญญาของบริษัท ที่เป็นบุคคลธรรมดา
  3. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการ ร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ หรือคู่สัญญาของบริษัท ที่เป็นนิติบุคคล เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจกระทำการแทน ผู้ประสานงาน ผู้ติดต่อ พนักงาน หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมาย
  4. บุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการของบริษัท แต่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สถานที่ สำนักงาน หรือสาขาของบริษัท
  5. บุคคลธรรมดาที่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด

1. คำนิยาม

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุตัวตนบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมรวมทั้งข้อมูลทุกประเภทที่สามารถบ่งชี้ตัวตน อาทิ ชื่อ หมายเลขประจำตัวบัตรประชาชน ข้อมูลสถานที่อยู่ ข้อมูลออนไลน์ ข้อมูลเอกลักษณ์ทางกายภาพ ทางจิตใจ ทางสังคม เศรษฐกิจ หรือวัฒนธรรม ที่สามารถระบุตัวตนได้ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม

“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือฉบับอื่นที่อาจมีการแก้ไขในภายหลัง รวมถึงพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศ คำสั่ง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ                ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

2. การเก็บรวบรวมและวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะกรณีที่จำเป็นหรือมีฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น ซึ่งรวมถึงกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรืออาจเป็นตัวแทนหรือบุคคลากรของคู่สัญญา การดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น   เพื่อการดำเนินการตามความยินยอมของท่าน และ/หรือ ภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของบริษัท มีดังต่อไปนี้

2.1 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย

เนื่องจากในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บางครั้งบริษัทต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และต้องดำเนินการ ตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐ และ/หรือ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจหรือกิจกรรมใดๆที่บริษัทดำเนินอยู่ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายเกี่ยวกับการประกอบกิจการโทรคมนาคม กฎหมายเกี่ยวกับภาษีต่างๆ และกฎหมายอื่นที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบและ/หรือคำสั่งของผู้มีอำนาจ (เช่น คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ) 

2.2 เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา

ในกรณีที่ท่านได้เข้าทำสัญญากับบริษัท หรือมีคำขอก่อนเข้าทำสัญญา ไม่ว่าจะในนามตนเอง หรือในฐานะตัวแทนหรือในนามของบุคคลอื่น บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาหรือตามคำขอ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญากับบริษัท หรือเพื่อการพิจารณาก่อ การเข้าทำสัญญา 
  • เพื่อการให้บริการผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ การส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการแก่ท่าน การยืนยันตัวตนในการใช้บริการผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท การให้คำแนะนำและการจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ การเรียกเก็บหรือชำระค่าผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ หรือการดำเนินการอื่นใดเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (รวมถึงการปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการของบริษัท)

2.3 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น

บริษัทจะอ้างอิงฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทหรือของบุคคลอื่นกับสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อบริหารกิจการของบริษัท หรือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทางธุรกิจอันสมควร (เช่น กำกับตรวจสอบ บริหารจัดการความเสี่ยง บริหารจัดการภายในองค์กร ตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบภายในองค์กร เฝ้าระวัง ป้องกัน และตรวจสอบการทุจริต การให้สินบน การประพฤติโดยมิชอบ)
  • เพื่อบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและท่าน (เช่น ดูแลลูกค้า ประเมินความพึงพอใจ จัดการข้อร้องเรียน)
  • เพื่อพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบงานต่างๆ ของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  • เพื่อการรักษาความปลอดภัย (เช่น บันทึกภาพ CCTV ลงทะเบียน แลกบัตร และ/หรือบันทึกภาพ ผู้ติดต่อก่อนเข้าบริเวณสถานที่ของบริษัท รวมถึงการตรวจจับอุณหภูมิ และการจำแนกใบหน้า) 
  • เพื่อจัดการข้อเรียกร้องและข้อพิพาท ฟ้องร้องดำเนินคดีและดำเนินกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดำเนินการบังคับคดี
  • เพื่อติดต่อกับท่านสำหรับการเจรจาหรือหารือทางธุรกิจ หรือเพื่อติดต่อก่อนการเข้าทำสัญญากับท่าน
  • เพื่อจัดโครงการ นิทรรศการ อบรม สัมมนา หรือกิจกรรมอื่นใด ซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชมองค์กรของบริษัท
  • เพื่อเก็บรักษา และแก้ไขปรับปรุงรายชื่อหรือรายนามของลูกค้าให้เป็นปัจจุบัน (ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน) และจัดเก็บสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจมีการอ้างถึงท่านในเอกสารดังกล่าว
  • เพื่อการดำเนินงานของบริษัท หรือเพื่อตอบสนองความต้องการหรือให้บริการแก่ท่าน โดยอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่มบริษัทเดียวกับ บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด

2.4 เพื่อการดำเนินการตามความยินยอมของท่าน

               ในบางกรณี บริษัทอาจมีการขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุด และ/หรือ เพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อการวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูล การทำวิเคราะห์ทางสถิติ การวางแผนการตลาด กิจกรรมทางการตลาดของบริษัท ตลอดจนนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมแก่ท่าน
  • เพื่อนำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สัมมนา สันทนาการ นิทรรศการ หรือกิจกรรมต่างๆ
  • การดำเนินการอื่นที่บริษัทต้องได้รับความยินยอมจากท่าน

2.5 เพื่อการดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ

               นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ข้างต้น บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ดังต่อไปนี้

  • ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล
  • เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่

บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกรณีที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเมื่อบริษัทร้องขอ และเป็นกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นมีความจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมาย จำเป็นในการเข้าทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญา ท่านอาจได้รับความสะดวกจากการใช้บริการน้อยลง หรือบริษัทอาจไม่สามารถให้บริการหรือดำเนินการเพื่อให้บริการบางส่วนหรือทั้งหมด หรือดำเนินการตามคำขอของท่านได้

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

               ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ขอบเขตของบริการที่ท่านใช้ หรือความสนใจในบริการหรือผลิตภัณฑ์ของท่าน หรือความสัมพันธ์ของท่านที่มีอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้

  • ชื่อ นามสกุล เพศวันเดือนปีเกิด ภาพถ่าย ภาพและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลหนังสือเดินทาง
  • ข้อมูลการติดต่อ ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์
  • ข้อมูลทางเทคนิคและพฤติกรรมการใช้บริการ การใช้เครือข่าย และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ
  • ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลการชำระเงิน หมายเลขบัตรเครดิต และหมายเลขบัญชีธนาคาร
  • ข้อมูลที่ใช้หรือได้มาจากเพื่อการรักษาความปลอดภัย เช่น เลขทะเบียนรถ อุณหภูมิร่างกาย
  • ข้อมูลเพื่อใช้ในการพัฒนาการให้บริการ และ รวมถึงในกรณีที่ท่านเกิดปัญหาการใช้งานบริการ
  • ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับบริษัทในการปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงข้อมูลเพื่อการตรวจสอบและใช้ใน การดำเนินการที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีการกระทำผิดเงื่อนไขการใช้บริการ หรือผิดกฎหมายใดๆ

บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านโดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่มีฐานทางกฎหมายรองรับให้สามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนดในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยท่านสามารถศึกษาฐานทางกฎหมายที่บริษัทใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ที่รายละเอียดการเก็บรวบรวมและวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดในข้อ 2.

4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

               บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทางดังต่อไปนี้

4.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากท่าน

               บริษัทอาจได้ข้อมูลส่วนบุคคลมาจากท่านโดยตรง เนื่องจากการติดต่อหรือดำเนินธุรกิจระหว่างท่านกับบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะกรณีดังต่อไปนี้

  • กรณีที่ท่านติดต่อหรือให้ข้อมูลกับบริษัท เพื่อการเข้าทำสัญญาการใช้บริการต่างๆ กับบริษัท หรือเพื่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจอื่นใดกับบริษัท
  • กรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการรับส่งข้อความทางอีเมล หรือช่องทางสื่อสารอื่น ๆ ระหว่างบริษัทกับท่าน
  • กรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากการใช้บริการ การใช้เครือข่าย หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการของท่าน เช่น ข้อมูล Log
  • กรณีที่ท่านใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่าน Cookies ของท่าน
  • กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัท ผ่านพนักงาน หรือผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ของบริษัท เป็นต้น
  • กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัท หรือบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก   การดำเนินงานเพื่อรักษาความปลอดภัยของบริษัท

4.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น

               บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากท่านโดยตรง ซึ่งแหล่งข้อมูลดังกล่าวมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในเครือ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ใช้บริการที่ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการแก่ท่าน และผู้รับจ้างหรือผู้ให้บริการช่วงที่บริษัทไว้วางใจให้ดำเนินการให้บริการแก่ท่าน

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

               บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท (“บุคคลอื่น”) เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่น ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะบุคคลดังต่อไปนี้

  • ผู้ให้บริการหรือผู้รับจ้างช่วงของบริษัท เพื่อการให้บริการ
  • ที่ปรึกษาวิชาชีพ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย รวมถึงทนายความ
  • หน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบการบริหารจัดการข้อมูลทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกันการทุจริต
  • หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมและกำกับดูแลตามกฎหมาย
  • หน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย เช่น หน่วยงานที่ปฏิบัติตามคำสั่งทางกฎหมาย หน่วยงานตรวจสอบ หรือกระบวนการทางกฎหมายหรือการฟ้องร้อง
  • บุคคลอื่นที่ท่านได้ให้ความยินยอม รวมถึงบุคคลทั่วไป ในกรณีที่ท่านให้ความยินยอมแก่บริษัทใน การประชาสัมพันธ์

6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

               ด้วยประเภทธุรกิจของบริษัท เป็นธุรกิจที่ครอบคลุมทั่วโลก ในบางครั้งบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ (เช่น กรณีท่านเป็นผู้ใช้บริการ Microsoft Solution กับทางบริษัท หรือ กรณีบริการอื่นใดที่บริษัทต้องส่งข้อมูลให้นิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์กับบริษัทหรือส่งข้อมูลไปจัดเก็บที่ cloud server ในต่างประเทศเพื่อการให้บริการแก่ท่าน)

               ในกรณีนี้บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ หรือผู้รับข้อมูลของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือด้วยวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดและมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

7. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

               บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริการ แต่ละประเภท ตามระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่บังคับใช้ระหว่างท่านและบริษัท โดยจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่น้อยกว่า 90 วัน นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาหรือนิติสัมพันธ์กับท่าน ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท หรือเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในการปฏิบัติงานภายในของบริษัท หรือเพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้องหรือใช้สิทธิทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงกรณีเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของการใช้บริการของท่าน การเรียกเก็บค่าบริการหรือตรวจสอบคุณภาพการให้บริการของบริษัท หรือกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแล   ร้องขอ ซึ่งข้อมูลจะถูกจัดเก็บรักษาไว้ต่อไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท

               บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรฐานการทำลายข้อมูลของบริษัท เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือเมื่อบริษัทไม่มีสิทธิหรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว

8. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

               ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิตามกฎหมายดังต่อไปนี้

ท่านสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยอาจแจ้งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือจัดทำเป็นหนังสือส่งมาที่ฝ่ายดูแลลูกค้าของบริษัท ตามรายละเอียดช่องทางการติดต่อที่กำหนดในข้อ 12. ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทอาจมีการขอหรือสอบถามข้อมูลและ/หรือเอกสารเพิ่มเติมจากท่านเพื่อเป็นการพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อนจะดำเนินการตามคำขอของท่านดังกล่าว

ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ใช้บริการ และบริษัทไม่ดำเนินการตามคำขอดังกล่าวของท่านภายใน 15 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำขอ ท่านสามารถจัดทำหนังสือส่งไปที่แจ้งสำนักงาน กสทช. เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามสิทธิของท่านได้

9. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

               บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้

10. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

               บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัสข้อมูล และมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูล ทั้งนี้ เพื่อป้องกัน        การสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต

11. การแจ้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และ/หรือเสรีภาพในการสื่อสารโดยทางโทรคมนาคม

               ในกรณีที่ท่านทราบถึงการกระทำที่ละเมิดหรือเข้าข่ายเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และ/หรือเสรีภาพในการสื่อสารโดยทางโทรคมนาคมของท่าน บริษัทขอความอนุเคราะห์จากท่านในการแจ้งเหตุการละเมิดดังกล่าวมาที่ฝ่ายดูแลลูกค้าของบริษัท ตามรายละเอียดช่องทางการติดต่อที่กำหนดในข้อ 12.

12. ช่องทางการติดต่อเพื่อขอใช้สิทธิ หรือแจ้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

               หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิของท่านที่มีตามกฎหมายตามที่ระบุในข้อ 8. หรือแจ้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือสิทธิและเสรีภาพตามที่ระบุในข้อ 11. หรือมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้ โปรดติดต่อฝ่ายดูแลลูกค้าตามรายละเอียดด้านล่างนี้

ฝ่ายดูแลลูกค้า บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด

ที่อยู่         499 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

เบอร์โทร   02-016-5111

อีเมล        cc_support@uih.co.th

บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทอาจมีการขอหรือสอบถามข้อมูลและ/หรือเอกสารเพิ่มเติมจากท่านเพื่อเป็นการพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อนจะดำเนินการตามคำขอหรือดำเนินการอื่นใดตามที่ท่านได้แจ้ง

13. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

               บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดตามด้านล่างนี้

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นายธนกร เกษมสิน

                              ที่อยู่        499 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

                              เบอร์โทร  02-016-5500

                              อีเมล       DPO@benchachinda.co.th

14. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

               บริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและความจำเป็นของบริษัท ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงบริษัทจะแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท